วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

ประเชิญกำปั้นต่อหมัด Samsung Galaxy Note 5 vs iPhone 6S vs iPhone 6S Plus จ่ายรุ่นไหนดี ?

เริ่มไปอย่างยิ่งใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เกี่ยวกับ iPhone 6S พร้อมทั้ง iPhone 6S Plus ไอโฟนรุ่นล่าสุดประจำปี 2015 ที่ในปีนี้ มีการอัปเกรดครั้งใหญ่ ทั้งการเพิ่มเทคโนโลยี Force Touch เสริมทัพด้วยฟีเจอร์ 3D Touch รวมไปถึง เพิ่มความละเอียดของเซ็นเซอร์กล้องถ่ายรูปทั้งด้านหน้า ด้วยกันด้านหลัง เรียกได้ว่า คงถูกอกถูกใจ สาวก iPhone กันไม่น้อยเลยทีเดียว



ส่วนอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่พ่ายกัน นั่นก็คือ Samsung Galaxy Note5 ที่เริ่มก่อนหน้า iPhone 6S ไปแล้ว ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่ทะลวงมา โดยจุดเด่นของ Samsung Galaxy Note 5 รุ่นนี้ ก็คือ บอดี้ตัวเครื่องแบบโลหะ พร้อมชูจุดเด่นด้วยหน้าจอความละเอียดระดับ Quad HD รวมไปถึงกล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับอาวุธคู่ใจที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ ปากกา S Pen Stylus ที่ช่วยทำให้การใช้งานบนหน้าจอใหญ่ สะดวกขึ้นกว่าเดิม

มาดูกันว่า ถ้าถ้าเราเปรียบเทียบสเปค ระหว่าง iPhone 6S vs iPhone 6S Plus vs Samsung Galaxy Note 5 ทั้ง 3 รุ่นนี้ จักโดดเด่นพร้อมด้วยแตกต่างอย่างไรบ้าง



ดีไซน์ด้วยกันการออกแบบ

มาเกริ่นกันที่การออกแบบของทั้ง 3 รุ่นกันก่อน โดยทั้ง iPhone 6S, iPhone 6S Plus และ Samsung Galaxy Note 5 มาพร้อมกับบอดี้แบบโลหะเหมือนกันทั้ง 3 รุ่น และเป็นอะลูมิเนียมเกรด 7000 เหมือนกันอีกด้วย แน่นอนว่า ในเรื่องของความแข็งแกร่ง, ทนทาน กับพรีเมียม ทั้ง 3 รุ่นนี้ สูสีกันแบบเห็นๆ

ส่วนขนาดตัวเครื่อง ถึงแม้ว่า Samsung Galaxy Note 5 จักมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่กว่าถึง 5.7 นิ้ว แต่กลับมีน้ำหนักตัวเครื่อง เบากว่า iPhone 6S Plus ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วเสียอีก แต่เรื่องความบางนั้น Samsung Galaxy Note5 หนากว่าเล็กน้อย

หน้าจอแสดงผล



เพราะว่า Samsung Galaxy Note5 นอกจากจะมาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 5.7 นิ้วแล้ว ยังมาพร้อมกับความละเอียดระดับ QHD 2560 x 1440 พิกเซล อีกด้วย ในขณะที่ iPhone 6S Plus มาพร้อมกับหน้าจอความละเอียดระดับ Full HD 1080p เท่านั้น ทั้งๆ ที่ มือถือเรือธง ส่วนใหญ่ เกริ่นใช้หน้าจอความละเอียดระดับ QHD กันหมดแล้ว ซึ่งในส่วนของการแสดงผล ถือว่า Samsung Galaxy Note 5 ค่อนข้างเหนือกว่า

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่า Samsung Galaxy Note 5 จักได้เปรียบในเรื่องของหน้าจอใหญ่ แต่ในเรื่องของการพกพา คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มือถือหน้าจอเล็ก พกพาได้สะดวกมากกว่า แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความชอบด้วยครับ

หน่วยประมวลผล



iPhone 6S และ iPhone 6S Plus มาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A9 และ M9 ซึ่งยังไม่มีข้อมูลระบุอย่างแน่ชัดว่า ชิปเซ็ตรุ่นนี้ เป็นแบบ Dual-Core หรือ Quad-Core Processor กันแน่ รวมไปถึงข้อมูลในเรื่องของ หน่วยความจำ RAM ที่มีข่าวลือกระฉ่อนว่า อาจจะมาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB ซึ่งคงต้องรอการพิสูจน์จากทาง iFixit อีกทีหนึ่ง

ส่วน Samsung Galaxy Note 5 จัดเต็มด้วย หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Processor (Exynos 7420 chipset) ความเร็ว 2.1 GHz กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB เรียกได้ว่า เร็วพร้อมด้วยแรงไม่พ่ายรุ่นใด แต่จักแรงกว่า iPhone 6S กับ iPhone 6S Plus หรือไม่ก็ไม่ คงต้องรอ Benchmark พิสูจน์กันถัด

กล้องถ่ายรูป



เรียกได้ว่า ในปีนี้ แอปเปิล ได้ยืดอกอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว เพราะว่า iPhone 6S พร้อมทั้ง iPhone 6S Plus มาพร้อมกับกล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ทัดเทียมกับ มือถือเรือธง รุ่นอื่นๆ แต่ล้ำหน้ากว่าด้วยไฟแฟลชแบบ Retina Flash ซึ่งจุดเด่นนี้ น่าจักช่วยดึงให้คนกลับมาใช้ iPhone ได้ไม่ยาก รวมไปถึงกล้องด้านหลัง ที่ปรับความละเอียดเป็น 12 ล้านพิกเซลแล้ว อีกทั้ง ยังรองรับการถ่ายคลิปวีดีโอความละเอียดสูงสุดถึง 4K อีกด้วย

นอกเหนือจากไฟแฟลชแบบ Retina Flash พร้อมด้วยปรับความละเอียดของกล้องถ่ายรูปทั้งด้านหน้า พร้อมด้วยด้านหลังแล้ว ยังได้เพิ่มโหมดการถ่ายรูปแบบ Live Photos ที่เปลี่ยนภาพนิ่งธรรมดาๆ ให้เคลื่อนไหวได้ สร้างลูกเล่นให้กับการถ่ายภาพได้อีกส่วนหนึ่ง



ส่วน Samsung Galaxy Note 5 ก็ไม่น้อยหน้า จัดเต็มทั้งกล้องด้านหน้าพร้อมทั้งด้านหลังเช่นกัน เพราะว่ากล้องด้านหน้า มาพร้อมกับความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยกล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 ทั้งกล้องด้านหน้า พร้อมด้วยด้านหลัง เรียกได้ว่า หมดปัญถ้าารถ่ายรูปในที่แสงน้อยไปเลย เพราะว่ารับประกันความคมชัดด้วยกันสว่างสดใสแน่นอน รวมไปถึงลูกเล่นด้านการถ่ายภาพ Samsung Galaxy Note 5 มีมากกว่า iPhone 6S ด้วยกัน iPhone 6S Plus เสียอีก

การเชื่อมต่อ

ทั้ง iPhone 6S, iPhone 6S Plus กับ Samsung Galaxy Note 5 ต่างรองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2, NFC, GPS + A-GPS + GLONASS เหมือนกัน ส่วนด้านการเชื่อมต่อผ่านสายเคเบิล Samsung Galaxy Note 5 ใช้พอร์ต microUSB 2.0 ในขณะที่ iPhone 6S และ iPhone 6S Plus ใช้พอร์ต Lightning ซึ่งถ้าพูดถึงความสะดวกในการใช้ยามฉุกเฉิน ต้องตรัสว่า พอร์ตแบบ microUSB 2.0 สะดวกมากกว่า เนื่องจากว่ามือถือหลายรุ่นต่างก็ใช้พอร์ตแบบนี้ ในขณะที่พอร์ตแบบ Lightning จะต้องเป็นผู้ใช้ iPhone 5 ขึ้นไปเท่านั้น จึงจักมีสายชาร์จแบบนี้

เซ็นเซอร์ต่างๆ

ทั้ง 3 รุ่น ต่างมาพร้อมกับเซ็นเซอร์พื้นฐานอย่าง Accelerometer Sensor, Gyro Sensor พร้อมกับ Proximity Sensor อยู่แล้ว รวมไปถึงเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ บนปุ่ม Home อีกด้วย แต่สิ่งที่ Samsung Galaxy Note 5 เหนือกว่า ก็คือ มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ที่ด้านหลังตัวเครื่องอีกด้วย ในขณะที่ผู้ใช้ iPhone จะต้องวัดข้าม Apple Watch แทน

iPhone 6S, iPhone 6S Plus กับ Samsung Galaxy Note 5 รุ่นไหน คุ้มค่ามากกว่ากัน?



คำถามนี้ คงเป็นเรื่องที่ตอบได้ยากสักหน่อย เนื่องแต่ทั้ง 3 รุ่นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ด้าน iPhone 6S กับ iPhone 6S Plus สเปคไม่ทิ้งห่างกันเท่าไหร่ เชื่อได้ว่า สาวกคงจะตัดสินใจเโจษกเองได้ไม่ยาก โดยเฉพาะผู้ที่ยังใช้ iPhone รุ่นเก่าอยู่ อย่าง iPhone 4S, iPhone 5 หรือไม่ก็ iPhone 5S น่าจักได้เวลาเปลี่ยนมาใช้กันแล้ว เหรอผู้ที่ใช้ iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus อยู่ก่อนแล้ว ก็มีแนวโน้มที่จักเปลี่ยนด้วยเช่นกัน เนื่องแต่ต้องประสงค์ลองของใหม่อย่าง Force Touch ด้วยกัน 3D Touch

ด้วยว่าจุดเด่นในแต่ละด้านระหว่าง iPhone6S / iPhone 6S Plus พร้อมทั้ง Samsung Galaxy Note 5 ทีมงานขอสรุปไว้เป็นข้อๆ ดังนี้

1. ด้านการแสดงผล

สมมติว่าวัดกันที่การแสดงผล คงจะตัดสินได้ไม่ยากว่า Samsung Galaxy Note 5 เหนือกว่าในด้านนี้ เนื่องด้วยมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล ที่มีความละเอียดสูงถึงระดับ QHD ในขณะที่ iPhone 6S Plus ความละเอียดหน้าจออยู่ที่ระดับ Full HD เท่านั้น ซึ่งมือถือเรือธงส่วนใหญ่ จักมาพร้อมกับหน้าจอระดับ QHD กันหมดแล้ว

2. กล้องถ่ายรูป

Samsung Galaxy Note 5 เหนือกว่าในเรื่องของกล้องด้านหลัง ที่มาพร้อมกับความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 ตอบสนองต่อการใช้งานในที่แสงน้อยได้ดี อีกทั้งยังมีลูกเล่นพร้อมทั้งโหมดการ ถ่ายภาพยังมีให้เลือกใช้มากกว่า ส่วน iPhone 6S / iPhone 6S Plus เหนือกว่าในเรื่องของกล้องด้านหน้า ที่ถึงแม้จักมาพร้อมกับความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เหมือนกับ Samsung Galaxy Note 5 แต่มีไฟแฟลชแบบ Retina Flash ในตัว ฉะนั้น ถ้าสมมติใช้งานด้าน Selfie ถือว่า iPhone 6S / iPhone 6S Plus ดีกว่า



3. การประมวลผล

ถ้าสมมติว่ามองในเรื่องฮาร์ดแวร์ ณ ชั่วโมงนี้ ต้องเอิ้นว่า Samsung Galaxy Note 5 เหนือกว่า เหตุเพราะมาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB และซีพียูแบบ Octa-Core Processor แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ว่า จักประมวลผลได้เร็วกว่า iPhone 6S / iPhone 6S Plus เพราะว่าต้องรอผลการแข่งขัน Benchmark มายืนยันอีกครั้ง ด้วยเหตุว่าทั้ง 2 รุ่น ใช้ระบบปฏิบัติการที่ต่างกันนั่นเอง

4. เทคโนโลยีใหม่ๆ

iPhone 6S / iPhone 6S Plus ถือว่า เป็นรุ่นที่มีการอัปเกรดมากกว่า iPhone รุ่นอื่นๆ เพราะนอกจากจะอัปเกรดทั้งชิปเซ็ต พร้อมกับกล้องถ่ายรูปแล้ว ยังได้เพิ่มเทคโนโลยีน้องใหม่แกะกล่องอย่าง Force Touch พร้อมด้วย 3D Touch เพิ่มเข้ามา แต่ก็ต้องมองกันต่อจากนั้นยาวๆ ว่า เทคโนโลยีดังกล่าว จะมีความจำเป็นต่อการใช้งานมากแค่ไหน เช่นเดียวกับช่วงเวลาที่ Apple โหมโรง Touch ID ที่หลายๆ คนมองว่า เป็นฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น แต่ ณ ปัจจุบัน Touch ID เหรอการสแกนลายนิ้วมือ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการใช้งานสมาร์ทโฟนไปเสียแล้ว

ส่วน Samsung Galaxy Note 5 มาพร้อมกับเทคโนโลยี UHQ Upscaler ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงของทั้ง เพลง พร้อมกับวีดีโอ ให้มีรายละเอียดดีขึ้น กับคมชัดขึ้น ซึ่งทางกรุ๊ปงาน techmoblog ก็ได้ทำการพิสูจน์ในบทความรีวิวไปแล้วว่า เสียงคมชัดขึ้นกว่า Samsung Galaxy Note 4 แน่แท้ แต่ด้วยว่าข้อนี้ คงต้องยกให้ iPhone 6S / iPhone 6S Plus เหนือกว่า เนื่องจากว่าเทคโนโลยี Force Touch กับ 3D Touch ยังไม่เคยมี สมาร์ทโฟน รุ่นใดมีมาก่อนนั่นเอง

5. ค่า

ปิดท้ายด้วยด้านสนนราคากันบ้าง Samsung Galaxy Note 5 เคาะค่ามาแล้ว อยู่ที่ 25,900 บาท ส่วน iPhone 6S และ iPhone 6S Plus คงต้องลุ้นกันรองลงไปว่า จักเคาะมูลค่าเริ่มมาสูงเหรอต่ำกว่านี้

ติดตาม ข่าวสารทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ที่: http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

ปลากัดไทยดังไปทั่วโลกขณะ Apple ชูเป็นวอลเปเปอร์ใหม่ใน iPhone 6s

สำนักข่าวไทย 10 ก.ย. – ปลากัดไทยดังทั่วโลก Apple ดึงเป็นวอลเปเปอร์โชว์ใน iPhone 6s ด้วยกัน iPhone 6s Plus รวมทั้งบนกล่องที่จะวางขายปลายเดือนนี้ เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาสวยงามภูมิใจ คาดส่งผลดีต่อยอดขาย



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเปิดตัว iPhone 6s ด้วยกัน iPhone 6s Plus ครั้นวันที่ 9 กันยายนที่ทะลุทะลวงมา พบว่าภาพที่ปรากฏเป็นภาพพื้นหลังใช่ไหมวอลล์เปเปอร์ของ iPhone รุ่นใหม่ เป็นภาพปลากัดไทยซึ่งมีหลากหลายสีสันสวยสดงดงาม ทั้งเป็นวอลเปเปอร์ที่เป็นภาพนิ่ง พร้อมกับไดนามิกวอลเปเปอร์ที่เป็นภาพเคลื่อนไหว เพราะว่าแสดงอยู่หลายภาพในหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Apple รวมทั้งยังจักปรากฏอยู่บนกล่องของ iPhone รุ่นใหม่ที่กำลังจะวางจำหน่ายไปทั่วโลกด้วย


ผู้บริหาร Apple กล่าวบนเวทีเริ่ม iPhone 6s : ภาพจาก TheVerge.com


ภาพปลากัดไทยอย่างน้อย 5 ตัว ถูกเเลื่องลือกให้ปรากฏอยู่ในหน้าจอ iPhone ในหลายบริบทที่แตกต่างกันไป แต่ถือได้ว่าปลากัดกลายเป็นวอลเปเปอร์ลายหลักของ iPhone รุ่นใหม่ ด้วยกันเป็นแบบ exclusive เฉพาะ iPhone แบบใหม่นี้เท่านั้นเนื่องจากไม่พบว่ามีปรากฏในระบบปฏิบัติการ iOS 9 เวอร์ชั่นที่ใช้กับ iPhone รุ่นอื่น ๆ แต่อย่างใด



ทั้งนี้ ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอ iPhone เป็นภาพในลักษณะที่คล้ายกับผลงานของช่างภาพอิสระชาวไทยที่มีชื่อเสียงไปทั่ว โลกจากการถ่ายภาพปลากัด คือ นายวิศรุต อังคทะวานิช มีผลงานได้รับการตีพิมพ์ในสื่อสิ่งพิมพ์ระดับโลกหลายฉบับ อย่างไรก็ตาม นายวิศรุต ไม่ยอมรับที่จักออกความคิดเห็นในเรื่องนี้

ด้วยว่าปลากัดที่กลายมาเป็นแบบในวอลเปเปอร์ของ iPhone แบบใหม่นี้ เป็นปลากัดสายพันธ์ฮาล์ฟมูน (Halfmoon betta) จัดเป็นปลากัดเกรดสูง มีค่าตัวละหลักพันบาท ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหมู่ชาวต่างประเทศ ด้วยเหตุที่มีความสวยงาม ลักษณะของหางกาง 180 องศาเหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว เพราะเป็นพันธุ์ที่นำเข้ามาจากเยอรมนีแต่พัฒนาสีสันให้สวยงามเพราะเกษตรกรชาวไทย พร้อมด้วยส่งออกจนโด่งดังไปทั่วโลก

น.ส.สิรินุช ฉิมพลี เจ้าของฟาร์มปลากัดสิรินุชเบตต้าฟาร์ม เปิดปูดว่า รู้สึกปลื้มใจ ดีใจ ภูมิใจแทนประเทศไทย กับพี่น้องเกษตรกรชาวไทย ผู้เลี้ยงปลาสวยงาม ที่ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือระดับโลกอย่าง iPhone เห็นความสำคัญพร้อมกับความสวยงามของปลากัดไทย ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตปลากัดส่งออกมากที่สุดในโลก พร้อมทั้งพันธุ์ฮาล์ฟมูนนี้ก็เป็นพันธุ์ที่กำลังได้รับความนิยมส่งออกเป็นสัดส่วน มากที่สุด

“เชื่อว่าการที่ iPhone ได้ใช้ภาพปลากัดไทยในครั้งนี้ จะมีผลกับยอดขายปลากัดของเกษตรกรไทย เป็นการโปรโมทปลากัดไทย ทำให้คนรู้จักปลากัดไทย เป็นผลดีด้วยวงการผู้เลี้ยงปลาสวยงาม” น.ส.สิรินุช กล่าว



แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับกรุ๊ปงานที่มีส่วนในการผลิตผลงานครั้งนี้เปิดเปรยว่า ปางไม่กี่เดือนที่ลอดมา บริษัท Apple จากสหรัฐส่งกลุ่มงานชุดใหญ่มาจากต่างประเทศเพื่อถ่ายทำภาพปลากัดไทยทั้งเป็น ภาพนิ่งพร้อมทั้งภาพเคลื่อนไหว เพราะมีคนไทยได้เข้าไปมีส่วนร่วมเป็นเหล่างานด้วยจำนวนหนึ่ง แต่ทุกคนจำเป็นต้องทำข้อตกลงปกปิดข้อมูลนี้เป็นความลับ

นักวิเคราะห์ต่างประเทศคาดว่า iPhone 6s พร้อมทั้ง iPhone 6s Plus อาจจะจำหน่ายได้มากกว่า 50 ล้านเครื่องภายในสิ้นปีนี้ หลังจากวางขายวันแรกใน 12 ประเทศ วันที่ 25 กันยายนนี้ ส่วนกำหนดการวางขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ยังไม่มีการเปิดเปิดเผยแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย-

ติดตาม ข่าวสารทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ที่: http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

สรุปก่อนโหมโรงกับงาน Apple Event 2015 ทายเล่นๆ ว่าอะไรจักโหมโรงพร้อม iPhone 6s

นับเวลาถอยหลังอีกไม่กี่ชั่วโมง กับงาน Apple Event 2015 ที่จะจัดขึ้น ณ หอประชุม Bill Graham เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เวลา 00:00 น. หรือไม่ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันนี้ ตามเวลาประเทศไทยครับ มาดูกันครับคืนนี้เราจักเจออะไรใหม่บ้าง?

หลังจากที่ได้คาดการณ์เกี่ยวกับ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ว่าจักเจออะไร แต่อย่าลืมว่าในงาน Apple Event 2015 ไม่ได้มีแค่ไอโฟน แต่จะมีอะไรที่น่าสนใจเปิดตัวบ้าง มาดูกัน



1. mac os 10.11 รุ่นใหม่ที่ชื่อ el capitan

เป็นการพัฒนาของระบบปฏิบัติการที่เน้นเรื่องการใช้ทรัพยากรให้น้อยลงเพิ่มความ เร็วมากขึ้น ตามกาลสมัยของระบบปฏิบัติการด้วยคอมพิวเตอร์ในระยะเวลานี้ ซึ่ง Mac OS X เวอร์ชั่นใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงส่วนมากจักเป็นเรื่องของสถาปัตยกรรมที่ปกติ เคยใช้ Open GL ทันทีจักมาใช้ Metal แล้วซึ่งมีผลดีต่อการทำงานร่วมกับกราฟิกการ์ดของ Intel ตามที่เคยเสนอไปตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ทะลวงมา นอกจากนี้ยังปรับ Safari ให้ทำงานดีขึ้นและจักใช้งาน multi Touch ได้มากขึ้นอีกด้วย

ซึ่งการ ช่างในครั้งนี้อาจจะสนทนาถึงการอัพเกรดว่าจะขึ้นต้นขึ้นคราวใดพร้อมกับรวมถึงฟีเจอร์ที่สรุปกันอีกครั้งด้วย

2.iOS9

ระบบ ปฏิบัติการของ iPhone, iPad พร้อมด้วย iPod Touch ถึงคราวที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เพราะมากนั้นคือการจัดการทรัพยากรที่ดีขึ้น มันจะเร็วขึ้น เก็บ RAM น้อยลง เพิ่มเหลายสิ่งเช่น impoved keyboard ที่เก่งสั่งงานได้มากกว่าเดิม, iPad Air2 สมรรถใช้งาน Multi-Tasking ได้ นอกจากนี้ยังมี proactive assistant ระบบที่มีหน้าที่คล้ายกับ Google Now กล่าวคือ รับสั่งสิ่งที่เราจักทำข้างหน้า ด้วยกันบางเรื่องก็รู้ดีกว่าเราซะงั้น, siri suggestions เป็นคำสั่งที่ทำให้ Siri ฉลาดมากขึ้นไม่ว่าจักเป็นสั่งให้สร้างปฏิทิน พิมพ์ข้อความ สั่งโทรออกกับ Apps ที่เราใช้บ่อย พร้อมทั้งยังค้นหาแผนที่ได้ ต้องมาลุ้นว่า ถ้าทำได้แล้วในประเทศไทยมันจักสั่งงานได้หรือว่าไม่หลังจากนั้น รวมทั้งฟีเจอร์ที่จักเก่งสั่งงานได้กับจอ Force Touch จักมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

ถือว่าน่าสนใจเพราะว่าว่ามันทำให้เร็วขึ้น พร้อมกับเก่งขึ้น แต่การเอาใจคนไทยที่ถือว่าเป็นกลุ่มประเทศที่ 3 ของ Apple จะมีความกรุณาใส่อะไรมาให้ได้ใช้กันมากขึ้นไม่ก็ไม่อย่างไร

3.Watch OS2

Apple Watch แบบใหม่แม้จักยังไม่มากับยังไม่มีข่าวของ Smart Watch จาก Apple แต่ก็มีข่าวเรื่องระบบปฏิบัติการใหม่ที่เคยนำเสนอของ WWDC 2015 ที่ต้นปี เพราะว่าหลัก ๆ แล้วจักเพิ่มเรื่องการสั่งงานกับ iPhone ได้มากขึ้น พร้อมด้วยเพิ่ม accelerometer ให้สมรรถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น พร้อมด้วยเชื่อมต่อกับ Apple Pay ได้อีกดว้ย ถือว่าสุดยอดพอสมควร เหเอิกเกริกแค่ว่าจะอัพเกรดจาก Apple Watch ได้อย่างไรกันต่อจากนั้น

4.iPad Pro

แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ยาก ก็เพราะว่าว่าคงจะต้องเป็นการกั๊กให้เปิดช่วงปลายปีนี้ ก็เพราะว่าข่าวที่หลุดว่า iPad จักมีขนาดใหญ่ถึง 12.2 นิ้วถือว่าใหญ่ที่สุดที่ Apple เคยทำมา แต่รายละเอียดที่เหลือกระฉ่อนยังไม่ได้แสดงตัวออกมา ต้องลุ้นกันถัดจากว่าจักมีอะไรใหม่หรือไม่จะกั๊กกันหลังจากนั้น

เห็นได้ว่าสิ่งที่คาดการณ์การโหมโรงของ Apple ในครั้งนี้ ต้องการให้คนใช้งานได้รวดเร็วกับเน้นเรื่องของระบบปฏิบัติการเพื่อเชื่อมโยง ไปบริการทั้งหลายให้เกิดความราบรื่นขึ้นด้วย แล้วคุณล่ะ เตรียมพร้อมพบกับเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้แล้วใช้ให้เป็นประโยชน์กันใช่ไหมยัง

ที่มา: http://thaizones-hitech.blogspot.com/

ติดตาม ข่าวสารทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ที่: http://hitech.sanook.com/

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558

คลิปค้ำประกัน iPhone 6s วิภูกว่าเดิมด้วยอะลูมิเนียมเกรด 7000 กับมีสีโรสโกลด์

ภาพจากคลิปยืนยันหน้าเว็บไซต์ iPhone 6s พร้อมทั้ง iPhone 6s Plus ตัวเครื่องแข็งแรงกว่าเดิมด้วยอะลูมิเนียมเกรด 7000 ด้วยกันตัวเครื่องมีสีโรสโกลด์ด้วย

จากคลิปวิดีโอดังกล่าวเผยให้เห็นว่า iPhone 6s มีขนาดตัวเครื่อง 138.2 x 67.6 มม. ส่วนความบาง 7.1 มม. ซึ่งหนากว่าเดิม 0.2 มม. เท่าที่เทียบกับ iPhone 6 ที่มีความบาง 6.9 มม. ตัวเครื่องแข็งแรงกว่าเดิมด้วยอะลูมิเนียมเกรด 7000 ซึ่งมีความแข็งแรงกว่า 60% เมื่อเทียบกับอะลูมิเนียมทั่วไป กับมีความหนาแน่นแทบ 1 ใน 3 ของสแตนเลส ซึ่งทำให้มีตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาด้วย



นอกจากนี้แล้วตัวเครื่องยังมีสีใหม่เพิ่มเข้ามาด้วย นั่นก็คือ โรสโกลด์ (Rose Gold) ซึ่งเป็นโทนสีทองชมพูแต่ไม่ใช่ทองคำแท้ คาดว่าสีใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับ Apple Watch รุ่น Edition ที่เป็นทองคำ



ด้วยว่าการเริ่มอย่างเป็นทางการของ iPhone 6s พร้อมทั้ง iPhone 6s Plus จักเกิดขึ้นในวันที่ 9 กันยายานนี้ รอติดตามครับ

รับชมคลิปคลิ๊กเลยจ้า...




ที่มา: thaizones-hitech

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

สันนิษฐานมูลค่า iPhone 6s ในไทยขึ้นต้น 24,900 บาท

ภายหลังมีรายงานเกี่ยวกับมูลค่า iPhone 6s ด้วยกัน iPhone 6s Plus จากฝั่งยุโรปที่มีค่าเท่ากับตอนเปิดตัว iPhone 6 พร้อมด้วย iPhone 6 Plus จึงมีความเป็นไปได้ว่าค่า iPhone รุ่นใหม่ในประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยจักเท่าเดิม



แม้ว่า iPhone แบบใหม่หรือไม่ก็ iPhone 6s จะยังไม่เปิดตัว แต่เพราะว่ามูลค่านั้นคาดว่าเท่าเดิมกับ iPhone ด้วยดีไซน์ต่าง ๆ ซึ่งตามข่าวก่อนหน้านี้ต่างก็ให้ข้อมูลว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก แต่จะมีการปรับสเปคในส่วนของประสิทธิภาพการทำงานด้วยกันกล้องถ่ายรูปให้ดีกว่า เดิม



สมมติสนนราคา iPhone 6s มีค่าเท่าเดิม ก็จะมีค่าโหมโรงต้นอยู่ที่ 24,900 บาทในรุ่นความจุ 16GB ซึ่งเป็นมูลค่าบน Apple Online Store ส่วน iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ก็จักปรับสนนราคาลงมาตามลำดับ



ขณะย้อนกลับดูมูลค่า iPhone 6 เทียบกับ iPhone 5s แล้วก็พบว่า iPhone 6 เปิดมูลค่าสูงกว่าเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด ทั้งวัสดุ ดีไซน์ ขนาดตัวเครื่อง พร้อมด้วยสเปค แต่สำหรับ iPhone 6s แล้วยังคงใช้ดีไซน์แบบเดิม กับขนาดก็น่าจักใกล้เคียง iPhone 6 ตามที่มีข่าวออกมาขณะนี้

อย่างไรก็ตาม มูลค่าดังกล่าวเป็นปางการคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยกันความเป็นไปได้เท่านั้น ส่วนข้อมูลพร้อมทั้งค่าอย่างเป็นทางการต้องรอติดตามดูกันถัดไปครับ

สนับสนุนเนื้อหา: www.iphone-droid.net
ติดตาม ข้อมูลข่าวสารไอทีได้ที่นี่: http://thaizones-hitech.blogspot.com/

ติดตาม ข่าวสารทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ที่: http://hitech.sanook.com/

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

มาทำความรู้จักกับ iPhone 6s ก่อนเริ่มกันเถอะ!!

iPhone 6s ออกแบบมาเทียบเท่ากับ iPhone 6 เลยเพียงแต่เติมต่อความหนาขึ้นมานิดนึง

แม้น จะมีข่าวแต้มสีออกมาว่า iPhone 6S (ไอโฟน 6S) จะมีดีไซน์เพียงกับ iPhone 6 ก็ตาม เสียแต่ว่าดูประดุจดังว่า ทำได้มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งสับเปลี่ยนไปเล็กน้อย เท่าที่ข่าวลือล่าสุด แสดงตนว่า iPhone 6S จะหนาขึ้น จากเดิม 6.9 มิลลิเมตร เป็น 7.1 มิลลิเมตร ส่วนมูลเหตุที่ทำให้ iPhone 6S หนาขึ้น เป็นเนื่องจากเทคโนโลยี Force Touch นั่นเอง

นอกจาก iPhone 6S จะมีความแปลงในเรื่องของ ชิปเซ็ต และกล้องด้านหลังแล้ว ศูนย์ข่าวยังพูดอีกว่า เทคโนโลยี Force Touch ถือว่า เป็นการเปลียนแปลงที่ใหญ่ที่สุดบนรุ่นนี้ แต่ก็ส่งผลให้ตัวเครื่องหนาขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ส่วนดีไซน์อื่นๆ ยังคงตามเคยไม่เปลี่ยน



โดยเทคโนโลยี Force Touch นั้น จะช่วยทำให้สามารถแบ่งแรงกดบนหน้าจอได้มากขึ้น ซึ่งถูกนำไปใช้บน Apple Watch แล้วนั่นเอง
ด้วยกลยุทธ์เริ่ม iPhone 6S คาดว่า เป็นวันที่ 6 กันยายนนี้

ที่มา : cultofmac.com

ใช้บอดี้อะลูมิเนียมเกรด 7000 แบบเดียวกับ Apple Watch Sport รับประกันความแข็งแรง ไม่งอ



ล่าสุด ทาง Economic Daily News จากประเทศไต้หวัน เปรยว่า iPhone 6S และ iPhone 6S Plus จะเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ผลิตบอดี้ใหม่ เป็น อะลูมิเนียมอัลลอยด์เกรด 7000 ที่ใช้บน Apple Watch Sport ซึ่งมีความแข็งแรง กว่า อะลูมิเนียมทั่วๆ ไปถึง 60%



เพราะว่าตัวการหลักๆ ที่ทำให้ แอปเปิล ต้องกลับเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ผลิตบอดี้ใหม่ เป็นเนื่องด้วย iPhone 6 นั้น เจอทาง #bendgate ไม่ก็ตัวเครื่องโค้งงอนั่นเอง ทำให้แอปเปิล หาวิธีที่จะเปลี่ยนบอดี้ใหม่ อย่างไรก็ดี ถ้าแม้ อะลูมิเนียมอัลลอยด์ จะมีความเข้มเเข็งไม่เท่า Stainless Steel แต่ก็มีน้ำหนักเบา, สามารถขึ้นรูปได้หลายสี พร้อมด้วยไม่มีผลกระทบต่อตัวรับสัญญาณในตัวเครื่องอีกด้วย

ส่วนข้อมูลนี้ จะเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน ต้องสืบหากันต่อไปนะคร้าบบบ

ที่มา : macrumors.com

และสุดท้ายนี้ในส่วนของแบตเตอรี่ทาง Apple เค้าจะให้มาที่ปริมาตร 1715 mAh นะครับก็คิดว่าน่าจะพอใช้ได้ให้เกือบเต็มจำนวนวันล่ะเนอะ อิอิ (ปกติธรรมดาเท่าที่ผมใช้อยู่ตอนนี้จะเป็น Note 4 ซึ่งแบตก็ถือว่าอึดพอสมควรเลยนะ ถ้าเล่นบ้างนิดหน่อย เรื่อยๆ โซเชียลบ้าง อ่านนวนิยายบ้าง ก็พอดีเกี่ยวกับช่วงกลางวันทั้งวันอ่านะ แต่ถ้าเล่นเกมส์หนักๆ ก็ไม่มีเครื่องไหนหรอกที่จะอยู่รอดทั้งวัน มันขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งานทั้งนั้นแหละครับ!!)

ปล. ปกติแล้วไอโฟนรุ่นใหม่จะออกรุ่นหลักมา จากนั้นรุ่นต่อไปจะตามด้วยรุ่นหลักแล้วเติม S เข้าไปต่อท้ายนะครับ เห็นมีคนเรียกผิดกันเยอะแยะเลย กลายเป็นว่าเรียกข้ามรุ่นไปยกตัวอย่างเช่นเมื่อปีที่แล้วทาง apple ออกไอโฟนใหม่มาโดยใช้ชื่อว่า iPhone 6 และ iPhone 6 plus ดังนั้นรุ่นที่จะออกในปีนี้ก็จะใช้ชื่อว่า iPhone 6s และ iPhone 6s plus นั่นเองจ้า ไม่ใช่ iPhone 7 นะฮะ ^^

ติดตาม ข่าวสารไอทีต่างๆ จากทางเราได้ที่: http://thaizones-hitech.blogspot.com/>

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หลังจากที่วางตลาด Apple Watch ไปแล้วมาเพ่งกันว่ามีกี่รุ่น กี่สี และแตกต่างกันอย่างไร

วันนี้เป็นอีกวันที่สาวก Apple ต้องตื่นกันแต่เช้าไปเข้าคิวรอซื้อ Apple Watch ตามร้านที่วางจำหน่ายในไทย ส่วนใครที่ไม่อยากได้ต่อคิวก็ศักยคลิกสั่งซื้อแบบชิว ๆ กันได้ที่ Apple Online Store พร้อมจัดส่ง 1 วันทำการ เรามาดูกันว่า Apple Watch นั้นมีกี่รุ่น แต่ละรุ่นมีสีอะไร พร้อมด้วยแตกต่างกันอย่างไร

Apple Watch มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ Watch Sport, Watch พร้อมด้วย Watch Edition เพราะแต่ละรุ่นจะมีด้วยกัน 2 ขนาด คือ 38 มม. ด้วยกัน 42 มม.





Watch Sport
- ตัวเรือน 38 มม. ราคา 13,500 บาท กับ 42 มม. มูลค่า 15,500 บาท
- ตัวเรือนจะเป็นอะลูมิเนียมสีเงิน กับ อะลูมิเนียมสีเทาสเปซเกรย์มากับสาย Sport Band
- หน้าจอ Retina พร้อม Force Touch กระจก Ion-X พร้อมกับฝาหลังแบบคอมโพสิต
- ตัวเรือนอะลูมิเนียมสีเงิน มาพร้อมกับสายสีขาว, สีฟ้า, สีเขียว และสีชมพู เเลื่องลือกได้ตามความชอบ
- ตัวเรือนอะลูมิเนียมสีเทาสเปซเกรย์ มาพร้อมสายแบบ Sport Band สีดำ สีเดียว






Watch
- ตัวเรือน 38 มม. พร้อมกับ 42 มม. มีทั้งเป็นสแตนเลสสตีล และสแตนเลสสตีลสีดำสเปซแบล็ค หน้าจอ Retina พร้อม Force Touch กระจกแซฟไฟร์ ด้วยกันฝาหลังแบบเซรามิก
- รุ่นนี้ค่าจักแตกต่างกันที่ขนาดกับสายข้อมือที่มากับตัวเรือน
- รุ่นถูกสุดคือ ตัวเรือนสแตนเลสสตีล ขนาด 38 มม. พร้อมสายแบบ Sport Band สนนราคา 20,500 บาท
- รุ่นแพงสุดคือ ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สีดำสเปซแบล็ค ขนาด 42 มม. พร้อมสายสแตนเลสสตีลแบบ Link Bracelet สีดำสเปซแบล็ค สนนราคา 41,500 บาท






Watch Edition
- เป็นรุ่นที่แพงที่สุด ตัวเรือนเป็นทองคำ 18 กะรัต มีขนาด 38 มม. พร้อมทั้ง 42 มม. หน้าจอ Retina พร้อม Force Touch กระจกแซฟไฟร์ พร้อมด้วยฝาหลังแบบเซรามิก
- ตัวเรือนมี 2 สี คือ สีโรสโกลด์ พร้อมด้วย สีเยลโลว์โกลด์
- รุ่นถูกสุดของโมเดลนี้คือ ตัวเรือนทองคำ 18 กะรัต สีโรสโกลด์ ขนาด 38 มม. พร้อมสายแบบ Sport Band ราคา 395,000 บาท
- รุ่นแพงสุดของโมเดลนี้คือ ตัวเรือนทองคำ 18 กะรัต สีเยลโลว์โกลด์ ขนาด 38 มม. พร้อมสายแบบ Modern Buckle มูลค่า 660,000 บาท




อุปกรณ์เสริม เป็นได้ซื้อเพิ่มได้
- สายแบบ Sport Band ยาง Fluoroelastomer พร้อมตัวล็อคแบบเสียบหมุดแล้วสอดสาย ราคา 1,900 บาท
- สายแบบ Milanese Loop สแตนเลสสตีลแบบถักพร้อมตัวล็อคแม่เหล็กแบบปรับได้ ราคา 5,900 บาท
- สายแบบ Classic Buckle สายหนังดัตช์ที่สะบัดลวดลายพร้อมตัวล็อคแบบสแตนเลสสตีล สนนราคา 5,900 บาท
- สายแบบ Leather Loop สายบุหนัง Venezia พร้อมตัวล็อคแม่เหล็กแบบปรับได้ ราคา 5,900 บาท
- สายแบบ Modern Buckle หนัง Granada ที่เรียบสวยพร้อมตัวล็อคแม่เหล็กสองชิ้น มูลค่า 9,500 บาท
- สายแบบ Link Bracelet ผลิตจากโลหะผสมสแตนเลสสตีล 316L พร้อมตัวล็อคแบบปีกผีเสื้อที่เราออกแบบมาเพราะว่าเฉพาะ ค่า 16,900 บาท
- USB Power Adapter ขนาด 5 วัตต์ มูลค่า 690 บาท (มีมาในกล่องอยู่แล้ว)
- สายชาร์จแบบแม่เหล็กเหตุด้วย Apple Watch (1ม.) มูลค่า 1,090 บาท
- สายชาร์จแบบแม่เหล็กเพราะว่า Apple Watch (2ม.) มูลค่า 1,490 บาท (มีมาในกล่องอยู่แล้ว)
- Apple USB Power Adapter ขนาด 12 วัตต์ ค่า 690 บาท


ที่มา: http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

พรีวิวมือถือ Samsung Galaxy S6 มาสู่ต่อจากนั้น!

มาแล้ว! โหมโรงพร้อม Samsung Galaxy S6 edge มือถือขอบจอโค้ง 2 ด้าน หน้าจอ 5.1 นิ้ว ตัวเครื่องโลหะ พร้อมด้วยกล้อง 16 ล้านพิกเซล จำหน่าย 10 เมษายนนี้
เริ่มอย่างเป็นทางการไปแล้ว ด้วยว่า Samsung Galaxy S6 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เรียกได้ว่า เป็นรุ่นที่ทาง ซัมซุง คิดใหม่ทำใหม่ เลยก็ว่าได้
ซึ่งความเปลี่ยนแปลงอย่างแรก ที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน นั่นก็คือ ดีไซน์ใหม่ เพราะเปลี่ยนจาก ตัวเครื่องพลาสติก มาเป็น ตัวเครื่องโลหะผสมกระจก อีกทั้งยังบางลงกว่าเดิม จับได้ถนัดมือมากขึ้น ซึ่งก่อนที่ Samsung Galaxy S6 จะเริ่มพร้อมด้วยวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ เรามาชม พรีวิว Samsung Galaxy S6 กันก่อนว่า มือถือเรือธงรุ่นล่าสุดนี้ จักน่าใช้กว่าเดิม กับมีดีไซน์ที่สวยขึ้นมากแค่ไหน
มาบุกเบิกกันที่ ดีไซน์ ของ Samsung Galaxy S6 กันก่อน เพราะรุ่นนี้ ถือว่าเป็นรุ่นแรกในตระกูล Galaxy S ที่เปลี่ยนจาก ตัวเครื่องพลาสติก มาเป็นตัวเครื่องแบบโลหะผสมกระจก ซึ่งกระจกที่ใช้บน Samsung Galaxy S6 นั้นก็คือ Gorilla Glass 4 ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงเป็นพิเศษอยู่แล้ว
ด้วยว่าปุ่ม Home นั้น ยังคงมี เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ เช่นเดียวกับ Samsung Galaxy S5 แต่ได้เปลี่ยนวิธีการสแกนใหม่ จากการรูดแล้วลากขึ้น กลายเป็นแตะเพื่อปลดล็อคแทน เรียกได้ว่า สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม
Samsung Galaxy S6 มาพร้อมกับหน้าจอกว้าง 5.1 นิ้ว แบบ Super AMOLED Display ความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล (QHD) เพราะมีจำนวนพิกเซลต่อตารางนิ้วสูงถึง 577 ppi ที่ช่วยทำให้การแสดงผลภาพในที่กลางแจ้ง ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน ส่วนหน่วยประมวลผล ใช้ชิปเซ็ต Exynos 7420 แบบ Octa-Core Processor (64-bit) ที่ผลิตเพราะสถาปัตยกรรม 14nm รุ่นแรกของโลก พร้อมหน่วยความจำ RAM 3 GB ซึ่งจะช่วยทำให้ประมวลผลได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น แต่ใช้พลังงานแบตเตอรี่น้อยลง
มากันที่เรื่องของกล้องถ่ายรูปกันบ้าง โดย Samsung Galaxy S6 รุ่นนี้ ดูเหมือนว่า ทางซัมซุง จะเน้นเรื่องการถ่ายรูปเป็นพิเศษ เพราะใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 ทั้งกล้องด้านหน้า และด้านหลังนั่นเอง เพราะกล้องด้านหน้า มาพร้อมกับความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องด้านหลัง ความละเอียดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Quick Launch ที่สมรรถเข้าใช้งานกล้องได้อย่างรวดเร็วในเวลา 0.7 วินาที แค่ดับเบิลคลิกที่ปุ่ม Home ครับ
เพื่อใครที่กังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดไว เนื่องด้วยตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอแบบ QHD นั้น คงจะหายห่วงกันไปได้เลย ทั้งนี้เพราะ Samsung Galaxy S6 มาพร้อมกับฟีเจอร์ Fast Charging ด้วยการชาร์จเหมือนแค่ 10 นาที แต่ทำได้ใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังรองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายอีกด้วย
ส่วนบริการน้องใหม่แกะกล่องอย่าง Samsung Pay บริการชำระเงินทะลวงมือถือ เรียกได้ว่า น่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ ด้วยการใช้เทคโนโลยี NFC และ Magnetic Secure Transmission (MST) จากบริษัท LoopPay ที่ซัมซุงเพิ่งจะเข้าซื้อกิจการไปจนถึงไม่นานมานี้ นอกจากนี้ ยังรับประกันความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยี Samsung KNOX บวกกับระบบสแกนลายนิ้วมือนั่นเอง
ปางแค่การ พรีวิว Samsung Galaxy S6 ในเบื้องต้น ก็คงทำให้ มือถือเรือธงน้องใหม่ล่าสุดรุ่นนี้ น่าใช้และน่าสัมผัสกันบ้างอย่างแน่นอน ส่วน Samsung Galaxy S6 จักควงคู่มาพร้อมกับ Samsung Galaxy S6 edge โหมโรงในไทยคราวไหร่ พร้อมทั้งจักเคาะราคาตั้งต้นต้นที่เท่าไหร่นั้น คงต้องติดตามกันรองลงไปครับ - phonearena.com
สรุปสเปค ฟีเจอร์ กับคุณสมบัติที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy S6
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วย Samsung Galaxy S6 มือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ในปีนี้ เปิดตัวพร้อมกับ Samsung Galaxy S6 edge มือถือขอบจอโค้ง 2 ด้าน ตามข่าวลือกระฉ่อนก่อนหน้านั้นนั่นเอง
โดยดีไซน์ของทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge นั้นตรงกับภาพหลุดที่ปริปากออกมาก่อนหน้า ไม่ว่าจักเป็น กรอบตัวเครื่องแบบโลหะ, บอดี้แบบกระจกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ที่ทำให้ Samsung Galaxy S6 นั้น ดูพรีเมียมกว่ารุ่นก่อนหน้ามากเลยทีเดียว
Samsung Galaxy S6 edge
นอกจาก Samsung Galaxy S6 จะชูจุดเด่นในเรื่องของ ดีไซน์ เป็นหลักแล้ว ยังมาพร้อมกับกล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9 ช่วย ในเรื่องของการถ่ายภาพในที่แสงน้อยเป็นหลัก ทำให้ได้ภาพที่คมชัด พร้อมกับสว่างสดใสมากกว่า มือถือรุ่นอื่นๆ นอกจากนี้ ยังรองรับการทำธุรกรรมแบบออนไลน์ กับ Samsung Pay ระบบการ จ่ายเงินลอด NFC ด้วยกัน Magnetic Secure Transmission (MST) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมจาก LoopPay ที่ซัมซุงได้เข้าซื้อกิจการไปขณะไม่นานนี้นั่นเอง
Samsung Galaxy S6 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลกว้าง 5.1 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล (577 ppi) ซึ่งกระจกหน้าจอนั้น เป็นแบบ Corning Gorilla Glass 4 ที่ทางซัมซุง การันตีว่า มีความแข็งแรงทนทานมากเป็นพิเศษ พร้อมกับไม่โค้งงออีกด้วย
Samsung Galaxy S6 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 7420 ที่ทางซัมซุงพัฒนาเอา เพราะเป็นชิ ปเซ็ตแบบ 64-bit ประกอบไปด้วย หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Cortex-A57 Processor ความเร็ว 2.1 GHz พร้อมด้วย Quad-Core Cortex-A53 Processor ความเร็ว 1.5 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิค Mali-T760 GPU ด้วยกันหน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB ส่วนหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง มีให้เละบือก 3 ขนาดความจุด้วยกัน ได้แก่ 32 GB, 64 GB กับ 128 GB ซึ่ง Samsung Galaxy S6 ไม่เชี่ยวชาญเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้ครับ
นอกจากนี้ Samsung Galaxy S6 ยังรองรับ LTE Cat.6, Wi-Fi ac, Bluetooth 4.1, NFC, GPS + GLONASS พร้อมทั้ง Beidou, IR blaster รวมไปถึงวิทยุ FM radio
รัน Android 5.0 (Lollipop) พร้อม TouchWiz ดีไซน์ใหม่
Samsung Galaxy S6 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.0 (Lollipop) ตั้งแต่แกะกล่อง ครอบทับด้วยTouchWiz UI เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการออกแบบใหม่ มีดีไซน์ที่เรียบง่ายขึ้น พร้อมทั้งน่าใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม
กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เน้นถ่ายรูปในที่แสงน้อย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทาง ซัมซุง ภูมิใจนำเสนอ นั่นก็คือ กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์แบบ ISOCELL กับระบบกันภาพสั่นแบบ OIS นอกจากนี้ Samsung Galaxy S6 ยังมาพร้อมกับรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9 ที่ทางซัมซุง คอนเฟิร์มว่า หมดห่วงเรื่องการถ่ายรูปในที่แสงน้อยไปเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีไฟแฟลชแบบ LED พร้อมกับ Heart Rate Sensor วัดอัตราการเต้นของหัวใจที่ด้านหลังตัวเครื่องอีกด้วย
ส่วนกล้องด้านหน้า มาพร้อมกับความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9 เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีระบบเปิดกล้องเร็วเพียง 0.7 วินาที (Quick Launch) ด้วยการกดที่ปุ่ม Home 2 ครั้ง
เปรียบเทียบภาพถ่ายของกล้องด้านหลัง ระหว่าง iPhone 6 Plus และ Samsung Galaxy S6
เปรียบเทียบการถ่ายวีดีโอ ระหว่าง iPhone 6 Plus ด้วยกัน Samsung Galaxy S6
Fast Charging ชาร์จแบตได้เร็วขึ้น
Samsung Galaxy S6 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 2550 mAh ซึ่งไม่เก่งถอดแกะฝาหลังเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้อีกต่อจากนั้น ทำให้ทางซัมซุง ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ นั่นก็คือ Fast Charging ด้วยการชาร์จแค่ 10 นาที แต่เชี่ยวชาญใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมง ซึ่ง ชาร์จเร็วกว่า Samsung Galaxy S5 ถึง 1.5 เท่า พร้อมกับเท่าที่เทียบการชาร์จในระยะเวลาที่เท่ากัน Samsung Galaxy S6 จะอยู่ได้นานกว่า iPhone 6 ถึง 50% ครับ
Samsung Pay ระบบการชำระเงินบนมือถือแบบใหม่
ภายหลังที่ซัมซุงเข้าซื้อกิจการของ LoopPay ไปพอไม่นานมานี้ ก็ได้เริ่มเทคโนโลยีที่มากับบริษัทดังกล่าว ภายใต้ชื่อ Samsung Pay นั่นเอง เพราะ Samsung Pay รองรับการใช้งานทั้ง Visa พร้อมกับ Mastercard ซึ่งนอกจากจะจ่ายผ่านเทคโนโลยี NFC แล้ว ยังสามารถใช้งานพ้น Magnetic Secure Transmission (MST) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมจาก LoopPay นั่นเอง ทำให้มีร้านค้ารองรับบริการดังกล่าวกว่า 30 ล้านร้านค้าทั่วโลกเลยทีเดียว
นอกจาก Samsung Pay จะรองรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตทะลุทะลวงโทรศัพท์มือถือแล้ว ยังรองรับการจ่ายสร้างผ่านบัตรเติมเงิน พร้อมทั้งบัตรของขวัญอีกด้วย ส่วนในเรื่องของความปลอดภัย มี Samsung KNOX พร้อมทั้ง ARM TrustZone รองรับอีกทีครับ
Samsung Pay จักเปิดให้ใช้บริการในช่วงหน้าร้อนนี้ ในสหรัฐฯ พร้อมทั้งเกาหลีใต้ก่อน เพราะว่าในช่วงแรก รองรับการใช้งานเฉพาะบน Samsung Galaxy S6 พร้อมทั้ง Samsung Galaxy S6 Edge เท่านั้น
ค่า พร้อมกับ วันวางจำหน่าย Samsung Galaxy S6 ในไทย
ในงานโหมโรง ทางซัมซุง ได้ประกาศว่า จะวางจำหน่ายทั้ง Samsung Galaxy S6 กับ Samsung Galaxy S6 Edge ในวันที่ 10 เมษายนนี้ ใน 20 ประเทศ แต่ยังไม่ได้มีการระบุว่า มีประเทศใดบ้าง งานนี้ สาวกซัมซุงในไทย คงต้องไปลุ้นกันอีกทีว่า ประเทศไทย จะมีรายชื่ออยู่ใน 20 ประเทศแรกหรือไม่ก็ไม่ ส่วนค่า ยังไม่มีการเปิดเปิดเผยในงาน
อย่างไรก็ดี ก่อนที่จักมีงานเริ่ม Samsung Galaxy S6 ด้วยกัน Samsung Galaxy S6 edge ได้มีข้อมูลราคาของทั้ง 2 รุ่นแสดงตนออกมา ทั้ง 3 ขนาดความจุ สรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้ครับ
มูลค่า Samsung Galaxy S6 (อย่างไม่เป็นทางการ)
- Samsung Galaxy S6 ความจุ 32 GB :€749 (ประมาณ 27,000 บาท)
- Samsung Galaxy S6 ความจุ 64 GB :€849 (คาดคะเน 31,000 บาท)
- Samsung Galaxy S6 ความจุ 128 GB : €949 (คาดคะเน 34,000 บาท)
ราคา Samsung Galaxy S6 edge (อย่างไม่เป็นทางการ)
- Samsung Galaxy S6 edge ความจุ 32 GB :€849 (คร่าวๆ 31,000 บาท)
- Samsung Galaxy S6 edge ความจุ 64 GB :€949 (คะเน 34,000 บาท)
- Samsung Galaxy S6 edge ความจุ 128 GB : €1049 (หมาย 38,000 บาท)
ซึ่งมูลค่าข้างต้นนี้ เป็นมูลค่าที่อยู่ในประเทศแถบโซนยุโรป แน่นอนว่า มีราคาที่สูงกว่า ประเทศในแถบเอเชีย อย่างบ้านเราเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเรามาลอง คำนวณ ราคา Samsung Galaxy S6 แบบคร่าวๆ สมมติให้ ราคา Samsung Galaxy S6 เท่ากับ ราคา Samsung Galaxy S5 ตอนเปิดตัว ที่ 23,800 บาท
ส่วนมูลค่า Samsung Galaxy S6 edge ให้อ้างอิงจากสนนราคา Samsung Galaxy Note Edge (แต่สมมติให้ถูกกว่า 1,000 บาท) จักสรุป มูลค่า Samsung Galaxy S6 พร้อมกับ Samsung Galaxy S6 Edge ในไทย ได้ดังนี้
ค่า Samsung Galaxy S6 ในไทย (อย่างไม่เป็นทางการ)
- Samsung Galaxy S6 ความจุ 32 GB มูลค่า 23,800 บาท
- Samsung Galaxy S6 ความจุ 64 GB ค่า 27,800 บาท
- Samsung Galaxy S6 ความจุ 128 GB ค่า 31,800 บาท

ราคา Samsung Galaxy S6 edge ในไทย (อย่างไม่เป็นทางการ)
- Samsung Galaxy S6 edge ความจุ 32 GB ค่า 27,800 บาท
- Samsung Galaxy S6 edge ความจุ 64 GB ราคา 31,800 บาท
- Samsung Galaxy S6 edge ความจุ 128 GB มูลค่า 35,800 บาท
อย่างไรก็ดี มูลค่า Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge ในไทยข้างต้น เป็นการประมาณการการเท่านั้น ไม่ใช่ราคาแท้แต่อย่างใด ต้องติดตามกันต่อจากนั้นว่า ซัมซุง ประเทศไทย จะประกาศมูลค่าของทั้ง 2 รุ่น ไว้ที่เท่าใดครับ

ที่มา: http://hitech.sanook.com/1395065/

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

Samsung Galaxy S6 Edge กับ 5 สิ่งที่เจ้าอาจยังไม่รู้เรื่อง ?

การโหมโรง Samsung  แบบ แพ็คคู่ แม้ดีไซน์ด้วยกันฟีเจอร์เพราะรวมแทบไม่ต่างกัน แต่ความน่าสนใจของ Galaxy S6 Edge อยู่ที่หน้าจอแสดงผลที่โค้งเอียงลงทั้งด้านซ้ายพร้อมทั้งขวา ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงเทคโนโลยีด้านจอภาพของ Samsung เองแล้ว Galaxy S6 Edge ยังมีอีก 5 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน ?
1. หน้าจอด้านข้างเสมือนจอที่สอง
Galaxy-S6-edge
หน้าจอที่โค้งเอียงลงมาด้านข้างของ Galaxy S6 Edge ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความเลิศหรู แต่มันรอบรู้เป็นหน้าจอแสดงผลหรือไม่แจ้งเตือนได้ พร้อมกับสนับสนุนให้ผู้ใช้อาจจักกำหนดแอพพลิเคชันที่ใช้บ่อยครั้ง สำหรับการเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
2. แบตเตอรี่กับการทำงานร่วมกับชิปประมวลแบบใหม่ 
แม้ Galaxy S6 Edge จักให้แบตเตอรี่ความจุเท่า 2600 mAh ซึ่งน้อยกว่าที่หลายคนคาดหวัง แต่ด้วยชิปประมวลรุ่นใหม่ที่ Samsung ระบุว่าเป็นการออกแบบภายใต้สถาปัตยกรรม 14 นาโนเมตร จักคอยช่วยจัดสรรการใช้พลังงานได้อย่างประสิทธิภาพ รวมไปถึงเป็นการลดการใช้ พลังงาน ส่งผลดีต่อชั่วโมงการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น
3. แบตเตอรี่ถอดไม่ได้อีกหลังจากนั้น
Galaxy-S6-edge-3
หลายคนที่ใช้สมาร์ทโฟนของ Samsung อาจคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ใช่ไหมการถอดแบตเตอรี่ในกรณีที่เครื่องค้าง เป็นต้น แต่ด้วยว่าใน Samsung Galaxy S6 Edge หรือไม่ Galaxy S6 จะไม่สมรรถถอดแบตเตอรี่ได้อีกหลังจากนั้น ดังนั้นสมมติแบตเตอรี่ใกล้จะหมดทางเละบือกที่ช่วยยืดชั่วโมงการใช้งาน คือการใช้ Ultra Saving Mode เหรอการใช้ Power Bank นั่นเอง
4. ตำแหน่งของลำโพง
Galaxy-S6-edge-2
แม้สาวก iPhone จักแอบเหน็บแนมว่าบางส่วนของการออกแบบ Samsung Galaxy S6 Edge หรือ Galaxy S6 จะมีความคล้ายคลึงกับ iPhone 6 / iPhone 6 Plus อาทิ ตำแหน่งลำโพงที่ถูกโยกย้ายมาอยู่ด้านล่างตัวเครื่อง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มาพร้อมกับประสิทธิภาพของเสียงที่ดีขึ้นด้วยกัน ความดังที่มากขึ้นเช่นกัน
5. Micro SD ไม่มีอีกแล้ว
ความจุภายในของ Samsung Galaxy S6 Edge หรือไม่ก็ Galaxy S6 เริ่มต้นต้นที่ 32 GB, 64 GB พร้อมด้วย 128 GB ตามลำดับ ซึ่งสิ่งที่คู่กับตระกูล Galaxy S มาโดยตลอดนั่นคือ micro SD สำหรับการเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล แต่ในเจเนอเรชั่นที่ 6 ทาง Samsung ได้ตัดสิ่งนี้ออกไป พร้อมกับยกเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Universal Flash Storage หน่วยความจำใหม่ที่พัฒนาขึ้นโดย Samsung ช่วยให้การอ่านหรือไม่เขียนข้อมูลทำได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Samsung Galaxy S6 Edge เตรียมวางขาย 10 เมษายน ศกนี้
ภาพจาก Wired

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ยอดสรุปงานเลี้ยง Thailand Mobile Expo 2015 เมื่อวันที่ 12-15 กุมภาพันธ์

Thailand Mobile Expo 2015 สุดคึกคักรับต้นปี ยอดผู้เข้าชมงาน และยอดเงินสะพัดเติบโตทะลุเป้า
     บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด ผนึกกำลังพันธมิตรโทรศัพท์มือถือกว่า 40 แบรนด์ดังชั้นนำ อาทิ Samsung, OPPO, i-mobile, Microsoft, Sony, HTC, LG, Wiko, VIVO กับ Huawei ร่วมด้วยโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ทั้ง 4 ค่าย AIS, DTAC, TrueMove H, TOT และบริษัทคู่ค้า จัดงาน Thailand Mobile Expo 2015 ครั้งที่ 20 มหกรรมมือถือ ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ พอวันที่ 12 - 15 กุมภาพันธ์ ที่ทะลวงมา
     นาย โอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด เปิดแสดงตัวถึงภาพรวมของการจัดงานThailand Mobile Expo 2015 ว่ามีจำนวนผู้เข้าชมงาน พร้อมกับยอดเงินสะพัดเติบโตเป็นที่น่าพอใจ ในระดับที่เรียกได้ว่าเกินคาด ด้วยตัวเลขของยอดเงินสะพัดภายในงาน 1.5 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 20% จนกระทั่งเทียบกับการจัดงานในครั้งก่อน
     ทั้งนี้เนื่องมาจากสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่มีสนนราคาสูงยังคงมีกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ซึ่งเป็นสิ่งที่เกินกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนจัดงาน ว่ากลุ่มผู้บริโภคจะเทกำลังซื้อไปที่กลุ่มสมาร์ทโฟนระดับเกริ่นต้น ไปจนถึงระดับกลางมากกว่า
     แต่ถึงกระนั้นก็ต้องยอมรับว่ากลุ่มสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น ไปจนถึงระดับกลางซึ่งมาพร้อมสเปคสุดคุ้มก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้จำนวนยอดเงินสะพัดภายในงานเติบโตได้ดี ทั้งนี้ก็เป็นผลมาจากการแข่งขันอันดุเดือดของตลาดสมาร์ทโฟน ที่ทำให้กลุ่มผู้บริโภคเก่งเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ
     ซึ่งมีสเปคเทียบเท่าสมาร์ทโฟนระดับสูง อาทิหน่วยประมวลผล 64 bit, หน่วยประมวลผลแบบ Octa-core, รองรับการเชื่อมต่อ 4G, RAM 2 GB, กล้องถ่ายภาพความละเอียดสูง ฯลฯ ได้ในระดับค่าไม่ถึงหมื่นบาท นอกจากนี้การเปิดพื้นที่จัดแสดงงานเพิ่มเติมเพื่อรองรับแบรนด์มือถือที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
     และการเปิดพื้นที่จัดงาน Mobile Game Zone เพื่อตอบรับกระแสของเกมบนสมาร์ทโฟนที่กำลังมาแรง ก็ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้เข้าชมงานมีมากถึง 6.9 แสนคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึง 20% จนถึงเทียบกับการจัดงานในครั้งก่อน ซึ่งจากการตอบรับที่ดีเหล่านี้ ต้องถือเป็นข่าวดีเนื่องด้วยคอเกมบนสมาร์ทโฟน ว่าจักได้พบกับ Mobile Game Zone ในการจัดงานครั้งหน้าอย่างแน่นอน
     นาย โอภาส กล่าวต่อว่า แนวโน้มในการเเล่าลือกซื้อสมาร์ทโฟนของผู้เข้าชมงานในครั้งนี้ ยังคงพุ่งเป้าไปที่สมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย เสริมด้วยเรื่องของวัสดุ, งานประกอบด้วยกันความบางของตัวเครื่อง
     อีกทั้งเทรนด์การถ่ายภาพเซลฟี่ที่กำลังมาแรงยังส่งผลให้กล้องหน้าของสมาร์ทโฟนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้บริโภคนำมาพิจารณาร่วมด้วย นอกจากนี้ยังสังเกตได้ว่า กลุ่มผู้บริโภคได้มีการศึกษาหาความรู้ในการเละบือกซื้อสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่าเหมาะสมกับการใช้งานของตัวเองมาเป็นอย่างดี ก่อนมาสัมผัส ทดลองเล่นเครื่องจริงๆภายในงาน เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการเร่ำลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่ประสิทธิภาพการใช้งานซึ่งตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของตัวเอง
     พร้อมกับเพราะพื้นที่จัดแสดง Gadget Zone ซึ่งทางเราได้เล็งเห็นถึงกระแสความนิยม พร้อมด้วยได้เปิดพื้นที่เพื่อจัดแสดงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2014 จนมาถึงการจัดงานในครั้งนี้เราได้สั่ง Gadget ต่างๆ ที่เพิ่งเริ่มไปในงาน CES 2015 คราวช่วงต้นปี มาจัดแสดงเป็นที่แรกในประเทศไทย
     ก็เป็นที่น่าดีใจว่า Gadget เหล่านี้ยังคงได้รับความสนใจเป็นอย่างดีจากผู้เข้าชมงาน เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงทิศทางตลาดของสินค้ากลุ่ม Smart Watch, Wearable Device ด้วยกัน Drone ที่น่าจะเติบโตขึ้นไปได้อีก พร้อมกับเป็นที่แน่นอนว่าทางเราก็ยังคงให้ความสำคัญกับ Gadget Zone ด้วยการสรรหา Gadget ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ มาจัดแสดงอย่างต่อเนื่องในการจัดงานครั้งต่อๆ ไป นายโอภาส กล่าวปิดท้าย
     แล้วพบกันใหม่ที่งาน Thailand Mobile Expo 2015 Hi-End ครั้งที่ 21 มหกรรมโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 7 - 10 พฤษภาคม 2558 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น. เป็นต้นไป
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com